วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี


1.รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกได้ตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 แบบดังต่อไปนี้คือ
1.1เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล  เช่น  ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิจิทัล, กล้องถ่ายวีดิทัศน์, เครื่องเอ็กซเรย์
1.2เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลเป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ  เช่น  เทปแม่เหล็ก,  จานแม่เหล็ก,  จานแสงหรือจานเลเซอร์,  บัตรเอทีเอ็ม
1.3เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล  ได้แก่ เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล  ได้แก่  เทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
1.4เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล  เช่น เช่น เครื่องพิมพ์,  จอภาพ,  พลอตเตอร์ ฯลฯ
1.5เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร  เช่น  เครื่องถ่ายเอกสาร,  เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
1.6เทคโนโลยีที่ใช้ถ่ายถอดหรือสื่อสารข้อมูล  ได้แก่  ระบบโทรคมนาคมต่างๆ เช่น โทรทัศน์,  วิทยุกระจายเสียง,  โทรเลข,  เทเล็กซ์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ

ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
            มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆทั้งในทางธุรกิจและทางการศึกษา  ดังตัวอย่างเช่น
-ระบบเอทีเอ็ม
-การบริการและทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
-การลงทะเบียนเรียน

พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
            คือการแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท  ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา  จัดเก็บ  สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่างๆได้แก่  ภาพ  ข้อความ  หรือตัวอักษร  ตัวเลขและภาพเคลื่อนไหว  เป็นต้น
            การใช้อินเตอร์เน็ต
 งานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา  พบว่า
            นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง  เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น  ในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใหญ่เพื่อการเรียนรู้  การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา
            ใช้อินเตอร์เน็ต  ทำอะไรได้บ้าง
            งานวิจัยชี้ว่านักศึกษาใช้อินเตอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆและการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด
            นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่านักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มพูนความรู้และประกอบการทำรายงาน
สถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
            งานวิจัยพบว่า  นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้านและมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน
           
นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยในรูปแบบไหนบ้าง?
            งานวิจัยชี้ว่า  นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อยได้แก่  ฐานข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์  การเรียนรู้แบบออนไลน์หรือ   e-Learning  วิดิทัศน์ตามอัธยาศัย (Video  on Demand)  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.การเรียนรู้แบบออนไลน์ (e-Learning) 
            เป็นการศึกษา  เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต  (Internet  หรือ อินทราเน็ต)  เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง  ตามความสามารถและความสนใจของตนเอง  โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วยข้อความ  รูปภาพ  เสียง  วีดิโอและมัลติมีเดียอื่นๆ  จะถูกส่งไปยังผู้เรียนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน  สามารถติดต่อปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับในชั้นเรียนปกติโดยอาศัยเครื่องมือติดต่อสื่อสารที่ทันสมัยสำหรับทุกคน  โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่  (Learning  for all:  anyone,  anywhere  and anytime)
2.บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer  Assisted  Instruction)
            CAI  คือ  บทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่งนำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจารณาเป็นอย่างดีโดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ  แบบฝึกหัด  การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามรถของตนเอง  เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดียซึ่งประกอบด้วยอักษร  รูปภาพ  เสียงหรือทั้งภาพและเสียง  ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้ในการออกแบบ  โดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้  (Learning  Behavior)
ทฤษฎีการเสริมแรง  (Reinforcement  Thoery)
            ทฤษฎีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ  (Operant  Conditioning  Theory)   ซึ่งคือความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ  โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า  เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเองและมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน
3.  วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย  (Video  on Demand  -VOD)
            คือระบบการเรียกดูภาพยนตร์ตามสั่งที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนต์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ  ตามสโลแกนที่ว่า
“  To view  what one  wants,  when  one  wants”.  โดยสามารถใช้งานได้จากเครือข่ายสื่อสาร
(Telecommunications  Networks)  ผู้ใช้งานซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย  (Vedio  Client) สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อตามความต้องการ  และสามรถควบคุมข้อมูลวีดิโอนั้นๆโดยสามารถย้อนกลับ  (Rewind) หรือกรอไปข้างหน้า  (Forward) หรือหยุดชั่วคราว  (Pause)  ได้  เปรียบเสมือนการดูวีดิโอที่บ้านนั้นเองทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกัน  กล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกันหรือต่างกันได้
4.หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
            คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทาลอินเตอร์เน็ตโดยมีเครื่องมือที่จำเป็นคือ  ฮาร์ดแวร์
            ส่วนการดึงข้อมูล  e-Books  ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่  ลักษณะไฟล์ของ  e-Books  หากนักเขียนหรือสำนักพิมพ์ต้องการสร้าง  e-Books  จะสามารถเลือกได้  4 รูปแบบคือ  Hyper Text  Markup  Language  (HTML),  Portable  Document  Format  (PDF),  Peanut Markup  Language  (PML)  และ  Extensive  Markup  Language  (XML) 

5.ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (e-Books)
            เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์  มีดังนี้
1.การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
2.ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
3.บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้  เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
4.ความสามารถในการจัดเก็บ  รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555


วิชาเทคโนโลยีสานสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู

Information and Communication Technology for Teachers
             รหัส PC54504              3(2-2-5)


คำอธิบายรายวิชา
          

        ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ค ระบบซอฟต์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม


สารสนเทศ
        
    ความหมาย
         สารสนเทศหมายถึง ข่าวสารที่สำคัญ เป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้นและจัดทำขึ้นภายในองค์การต่างๆตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์การนั้นๆ

         สารสนเทศ ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Information หมายถึง ความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า สารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเสษ ทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้ปฏิบัติ

       
  สารสนเทศมีความหมายตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้ 
         สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่เปรียบเทียบ และวิเคราะห์แล้วสามารถนำมาใช้ได้ หรือนำมาประกอบการพิจารณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า

       
  
เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
       
         เทคโนโลยีสารสนเทศหรือ ไอที(IT) เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบัน มีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บการประมวลผลและการแสดงผลสารสนเทศ
        
  องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
        

        เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วย องค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เเละเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
1.1.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์จัดเป็นเทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนในยุคปัจจุบัน เนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้าน
การบันทึก การจัดเก็บ การประมวลผล การแสดงผล และการสืบค้นหาข้อมูลสารสนเทศ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้ 2 ส่วน คือ เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
                 
1.1 เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ หมายถึง อุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าการทำงานออกเป็น 4 ส่วน คือ
-หน่วยรับข้อมูล

-หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู: CPU (Central Processing Unit)

-หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit)

-หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage Unit)

               
            1.2 เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ (Software)

หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
-ซอฟต์แวร์ระบบ (Syetem Software) หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำงานตามคำสั่ง

-ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่คอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ

          2.
เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
หมายถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป เช่น ระบบโทรศัพท์ ระบบดาวเทียม ระบบเครือข่ายเคเบิล และระบบสื่อสารอื่นๆที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน
ความสำคัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ
-แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 4 (2520-2524) การมีส่วนร่วมของสารสนเทศเพื่อการศึกษา

-มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและศูนย์ปฏิบัติการของระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษาขึ้น

-ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ก็ได้มีการเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษามากขึ้น

-ในแผนฯ 9 มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษา

               แผนพัฒนาฯข้างต้นทำให้เทคฯมีความสำคัญต่อวงการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียมทั่วถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่อง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการประยุกต์ใช้เทคฯอย่างคุ้มค่า

        

พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

ยุคที่ 1 การประมวลผลข้อมูล มีวัตถุประสงค์เพื่อการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลของรายการประจำ (Transaction Processing) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
ยุคที่ 2 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ มีการใช้คอมฯช่วยในการตัดสินใจ ควบคุมการดำเนินการ ติดตามผลและวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่างๆ
ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมฯเพื่อเรียกใช้สารสนเทศที่จะช่วยในการตัดสินใจนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
ยุคที่ 4 ยุคปัจจุบันหรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศมีการใช้ระบบคอมฯและระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ และเน้นความคิดของการให้บริการสารสนเทสแก่ผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นวัตถุประสงค์สำคัญ
         

 ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
1. ให้ความรู้ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใจ
2. ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน

3. ใช้ประกอบการตัดสินใจ

4. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น 

5. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ

สรุป
การนำเอาเทคฯมาใช้ประโยชน์ในวงการศึกษามีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์ เทคฯ ประเภทต่างๆ เช่น ดาวเทียมสื่อสาร ใยแก้วนำแสง อินเทอร์เน็ต ก่อให้เกิดระบบคอมฯ สำหรับการบริหารงานในสถานศึกษาด้านต่างๆ เช่น ระบบบริหารจัดการหองสมุด และระบบคอมฯ เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น ระบบคอมฯช่วยสอน การใช้เทคฯเพื่อการศึกษา ยังช่วยให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษาการเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านเทคฯ

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

assignment1

1.ชื่อหนังสือ 5 เรื่อง

The User Guide to Life
FINANCIAL MANAGEMENT Theory and prectice
You and You HEALTH
SAELSWOMAN AGiude to Career Success
Thai Artists and the Gaethe

2. cyber bully

           คือการรังแกผ่านโลกไซเบอร์ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ และมีประสิทธิภาพรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข้อความต่อว่า ดูถูก ล้อเลียนหรือใช้รูปภาพ คลิปวิดีโอเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่ผู้ถูกกระทำไม่สามารถตอบโต้ได้ นำมาซึ่งความรู้สึกเครียด เจ็บปวด อับอายและสูญเสียความมั่นใจในการอยู่ในสังคม บางครั้งอาจนำมาสู่ปัญหาด้านอารมณ์อย่างรุนแรง เมื่อเกิดการข่มเหงรังแกเมื่อใด เยาวชนมักเลือกปิดบังปัญหาไม่ให้ครูหรือพ่อแม่ผู้ปกครองรับรู้ แต่จะบอกเล่ากับเพื่อนมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะตอบโต้กลับไป
            การกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์อาจรวมถึงสิ่งพิมพ์หรือการส่งผ่านข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนหนึ่งไปยังสถานที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ เช่น การเซฟภาพเจ้านายใส่ชุดบิกินี่ในวันพักผ่อนจากเฟซบุ้คของเจ้านายไปเผยแพร่ต่อทางฟอร์เวิร์ดเมล์ หรือการนำภาพแอบถ่ายในห้องน้ำของใครสักคนที่ได้รับมาไปโพสหน้าเว็บไซต์ให้คนอื่นดูด้วยกัน

ที่มา www.http://healthkm.exteen.com/20101006/cyberbullying